รถขนส่ง
… แจ้งราคาขนส่งทางไลน์เท่านั้น …
สอบถามรถรับจ้างได้ตลอด 24 ชม.
ติดต่อสอบถาม รถรับจ้างทั่วไป (คลิกเลย!!)
บริการขนส่ง รถส่งของ และรถรับจ้างขนของ
ติดตั้งคอกหรือตะแกรงด้านหลังให้สูงขึ้นกว่าปกติ เพื่อเพิ่มพื้นที่และความจุในการบรรทุกสินค้า
มีตู้บรรจุสินค้าแบบปิดทึบด้านหลัง เพื่อป้องกันแดด ฝน และฝุ่น ช่วยรักษาความความสะอาดสินค้า
ะติดตั้งคอกหรือตะแกรงด้านหลังเพื่อบรรทุกสินค้าจำนวนมาก ขนส่งสินค้าที่ต้องการพื้นที่บรรทุก
ติดตั้งตู้ทึบด้านหลังเพื่อบรรทุกสินค้าที่มีขขนาดใหญ่ โดยช่วยปกป้องสินค้าจากแดด ฝนและฝุ่น
บริการรถขนส่ง
บริการรถขนส่ง (Logistics Trucking Services) หมายถึง การให้บริการขนย้ายหรือขนส่งสินค้า วัตถุดิบ สิ่งของ เครื่องจักร หรือวัสดุต่าง ๆ จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งโดยใช้งานรถบรรทุกหรือพาหนะสำหรับขนส่งที่ได้รับการออกแบบเฉพาะตามประเภทของสินค้า ซึ่งในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์การเลือกรถขนส่งที่เหมาะสม รวมถึงการวางแผนการจัดการขนส่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสินค้า
ประเภทของบริการรถขนส่งสามารถแบ่งออกได้หลากหลายมิติ ดังนี้:
1.แบ่งตามลักษณะตัวรถบรรทุก
รถบรรทุก 4 ล้อหรือ 6 ล้อ (รถบรรทุกขนาดเล็ก-กลาง): เหมาะสำหรับขนส่งสินค้าในปริมาณไม่มาก หรือการกระจายสินค้าในเมือง มีความคล่องตัวสูง เข้าถึงตรอกซอกซอยได้สะดวก
รถบรรทุก 10 ล้อหรือมากกว่า (รถบรรทุกขนาดใหญ่): เหมาะสำหรับการขนสินค้าปริมาณมาก หรือสินค้าที่มีน้ำหนักมาก ใช้ในเส้นทางขนส่งระยะไกล ขนได้ครั้งละจำนวนมาก
รถเทรลเลอร์ (Trailer Truck): ประกอบด้วยหัวลากและหางลาก รองรับตู้คอนเทนเนอร์หรือพ่วงสินค้าได้หลายรูปแบบ ใช้ขนส่งสินค้าต่างประเทศหรือระหว่างภาค การขนส่งสินค้าที่ต้องการความมั่นคง แข็งแรง และมีพื้นที่จัดเก็บขนาดใหญ่
รถพ่วง (Semi-trailer Truck): เป็นรถที่ต่อพ่วงกับตัวพ่วงต่าง ๆ เพื่อเพิ่มความจุในการขนสินค้า มักใช้ในงานขนส่งปริมาณมากระหว่างภูมิภาค
2. แบ่งตามประเภทสินค้าที่ขนส่ง
สินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Goods): เช่น อาหารสด อาหารแช่แข็ง สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป ต้องคำนึงถึงมาตรฐานการรักษาคุณภาพ อุณหภูมิ เช่น ใช้รถห้องเย็น (Refrigerated Truck) สำหรับสินค้าแช่แข็งหรืออาหารสด
วัตถุดิบอุตสาหกรรม (Industrial Raw Materials): เช่น แร่ โลหะ วัตถุดิบสำหรับการผลิต ต้องเลือกรถบรรทุกที่สามารถรับน้ำหนักได้มาก มีโครงสร้างแข็งแรง และอาจต้องมีอุปกรณ์ยกหรือควบคุมการขนส่งพิเศษ
สินค้าอันตราย (Hazardous Materials): เช่น สารเคมี เชื้อเพลิง วัตถุไวไฟ ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด อาจใช้รถบรรทุกถัง (Tank Truck) หรือรถขนส่งที่ติดตั้งระบบนิรภัยพิเศษ
สินค้าที่มีมูลค่าสูง (High-value Goods): ต้องการระบบรักษาความปลอดภัยพิเศษ เช่น จีพีเอสติดตาม ระบบแจ้งเตือนการบุกรุก รถอาจติดตั้งกล้องวงจรปิดหรือใช้อุปกรณ์ล็อกพิเศษ
สินค้าใหญ่พิเศษ (Oversized Cargo): เช่น เครื่องจักรขนาดใหญ่ โครงสร้างอาคาร พัดลมกังหันลม ต้องใช้รถบรรทุกเฉพาะกิจ (เช่น Low-bed Trailer) และขออนุญาตพิเศษจากหน่วยงานรัฐ
3. แบ่งตามลักษณะการให้บริการ
การขนส่งแบบเต็มคัน (Full Truck Load – FTL): ผู้ส่งสินค้าเช่าเหมาคันรถ บรรทุกเฉพาะสินค้าของตนเอง สามารถใช้พื้นที่ทั้งหมดของรถ โดยไม่ต้องแบ่งพื้นที่กับผู้อื่น เหมาะกับผู้ที่มีปริมาณสินค้ามากเพียงพอ
การขนส่งรวมสินค้า (Less Than Truckload – LTL): ผู้ส่งสินค้าหลายรายใช้พื้นที่รถคันเดียวร่วมกัน เหมาะสำหรับผู้ที่มีสินค้าน้อย ไม่เพียงพอในการเช่าเหมาคัน ช่วยลดต้นทุนแต่ต้องยอมรับเวลาการขนส่งที่อาจช้ากว่าเพราะต้องกระจายสินค้าตามเส้นทางหลายจุด
4. แบ่งตามระยะทางและเครือข่ายการขนส่ง
การขนส่งภายในประเทศ (Domestic Trucking): การขนส่งสินค้าภายในขอบเขตประเทศนั้น ๆ อาจใช้รถขนาดเล็กหรือกลางเพื่อกระจายของในเขตเมือง หรือรถเทรลเลอร์ขนาดใหญ่สำหรับวิ่งข้ามภูมิภาค
การขนส่งระหว่างประเทศ (Cross-border Trucking): ใช้ในการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ศุลกากร และมาตรการทางภาษีของแต่ละประเทศ
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกใช้บริการรถขนส่ง:
ปริมาณและน้ำหนักสินค้า: เพื่อเลือกรถที่รับน้ำหนักได้เหมาะสม
ลักษณะพิเศษของสินค้า: เช่น ต้องควบคุมอุณหภูมิ ต้องป้องกันความชื้น ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยพิเศษ
ระยะเวลาและความเร็วในการขนส่ง: บริการเร่งด่วน อาจต้องเลือกรถขนาดเล็กและมีเครือข่ายกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพ
งบประมาณและต้นทุน: เลือกใช้บริการแบบรวมเที่ยว (LTL) หรือเหมาคัน (FTL) ให้เหมาะกับต้นทุน
มาตรฐานและข้อกำหนดทางกฎหมาย: สินค้าอันตรายหรือใหญ่พิเศษอาจต้องขออนุญาตพิเศษ