ขนของทิ้ง ขนขยะทิ้ง
… แจ้งราคาขนส่งทางไลน์เท่านั้น …
สอบถามรถรับจ้างได้ตลอด 24 ชม.
ติดต่อสอบถาม รถรับจ้างทั่วไป (คลิกเลย!!)
ขนของทิ้ง ขนขยะทิ้ง
งานขนของทิ้งหรือขนขยะทิ้ง เป็นบริการที่ช่วยเก็บรวบรวมและขนย้ายสิ่งของที่ไม่ต้องการใช้แล้ว เช่น เฟอร์นิเจอร์เก่า เครื่องใช้ไฟฟ้า ขยะชิ้นใหญ่ หรือวัสดุเหลือใช้จากการก่อสร้าง ออกไปจากพื้นที่เดิมอย่างปลอดภัยและเป็นระเบียบ เพื่อกำจัดในสถานที่ที่เหมาะสมตามหลักสิ่งแวดล้อม
ขั้นตอนและรายละเอียดของงานขนของทิ้ง
1. การสำรวจและวางแผน
สำรวจประเภทของขยะหรือสิ่งของที่ต้องขนย้าย:
– ขยะทั่วไป เช่น เฟอร์นิเจอร์เก่า ของใช้ส่วนตัว
– ขยะอิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า ตู้เย็น
– ขยะก่อสร้าง เช่น เศษปูน อิฐ ไม้ หรือเหล็ก
– วัสดุรีไซเคิล เช่น กระดาษ แก้ว พลาสติก
ประเมินปริมาณและน้ำหนัก:
ตรวจสอบจำนวนและปริมาตรของสิ่งของ เพื่อเลือกใช้ยานพาหนะและอุปกรณ์ขนย้ายที่เหมาะสม
กำหนดจุดหมายปลายทางของการกำจัด:
– ศูนย์รีไซเคิลสำหรับวัสดุที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้
– สถานที่ทิ้งขยะตามกฎหมาย เช่น บ่อฝังกลบขยะ
– ศูนย์รับซื้อของเก่าสำหรับสิ่งของที่ขายได้
2. การรวบรวมและแยกประเภทขยะ
การจัดหมวดหมู่:
แยกขยะออกตามประเภท เช่น
– ขยะที่ย่อยสลายได้
– ขยะรีไซเคิล
– ขยะอันตราย เช่น แบตเตอรี่หรือสารเคมี
การจัดเตรียมสิ่งของ:
– รื้อเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ เช่น โต๊ะ ตู้ เตียง เพื่อให้ขนย้ายง่ายขึ้น
– บรรจุขยะชิ้นเล็ก ๆ ในถุงหรือกล่องเพื่อความสะดวก
3. การขนย้ายขยะ
การเลือกยานพาหนะ:
– ใช้รถกระบะหรือรถบรรทุกสำหรับขยะทั่วไปหรือขนาดเล็ก
– ใช้รถ 6 ล้อหรือ 10 ล้อสำหรับขยะปริมาณมากหรือขนาดใหญ่
การจัดเรียงของในรถ:
– วางของที่หนักไว้ด้านล่างเพื่อป้องกันการเคลื่อนตัว
– มัดสิ่งของให้แน่นด้วยสายรัดหรือตาข่ายเพื่อป้องกันการหล่นระหว่างทาง
การขนย้ายขยะที่มีข้อจำกัด:
หากเป็นขยะอันตราย เช่น สารเคมี หรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ ควรใช้วิธีขนส่งที่ปลอดภัยตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม
4. การกำจัดหรือจัดเก็บที่ปลายทาง
ส่งขยะไปยังสถานที่เหมาะสม:
– ขยะรีไซเคิลนำส่งโรงงานรีไซเคิล
– ขยะทั่วไปนำไปทิ้งที่บ่อฝังกลบหรือโรงงานกำจัดขยะ
– ขยะอันตรายนำส่งสถานที่รับกำจัดขยะอันตรายเฉพาะ
การจัดเก็บ:
สำหรับขยะที่ยังมีมูลค่า เช่น เฟอร์นิเจอร์เก่าหรือของที่ยังใช้งานได้ อาจเก็บไว้ขายหรือบริจาค
ข้อควรคำนึงในงานขนของทิ้ง
การปฏิบัติตามกฎหมายสิ่งแวดล้อม:
การกำจัดขยะต้องเป็นไปตามกฎหมายและข้อกำหนดในท้องถิ่น เช่น การห้ามทิ้งขยะในพื้นที่สาธารณะที่ไม่ได้รับอนุญาต
ความปลอดภัย:
ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น ถุงมือ หน้ากาก และรองเท้านิรภัย สำหรับขยะที่อาจเป็นอันตราย
การแยกขยะที่เป็นประโยชน์:
วัสดุที่รีไซเคิลได้ควรแยกออกเพื่อลดปริมาณขยะที่จะถูกนำไปฝังกลบ
ข้อดีของการใช้บริการขนของทิ้ง
ความสะดวก:
ผู้ให้บริการช่วยจัดการทุกขั้นตอนตั้งแต่รวบรวม ขนย้าย และกำจัด
การปฏิบัติตามกฎหมาย:
ลดความเสี่ยงจากการกำจัดขยะในที่ที่ไม่เหมาะสม
ประหยัดเวลาและแรงงาน:
ไม่ต้องดำเนินการเอง สามารถประหยัดเวลาและแรงงานได้มาก
สนับสนุนการรีไซเคิล:
ช่วยให้วัสดุรีไซเคิลถูกนำกลับมาใช้ใหม่อย่างเหมาะสม
ความยากง่ายของการขนของทิ้ง ขนขยะทิ้ง
การขนของทิ้ง หรือขนขยะทิ้ง ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ในความเป็นจริงก็มีทั้ง ความง่าย และ ความยาก ขึ้นอยู่กับประเภทของขยะ ปริมาณ วิธีการทิ้ง และกฎระเบียบของพื้นที่ที่อยู่อาศัยหรือเทศบาล
ความง่าย (เมื่อของไม่เยอะ + รู้ช่องทาง)
1. ขยะทั่วไป / ของทิ้งไม่ใหญ่มาก
เช่น กล่อง, ถุงพลาสติก, เศษอาหาร, ของใช้เสียหายบางชิ้น สามารถใส่ถุงดำแล้วทิ้งในจุดทิ้งขยะปกติได้เลย
2. พื้นที่มีบริการเก็บขยะครบถ้วน
บางเขตมีบริการเก็บของชิ้นใหญ่ (เช่น โซฟา, ที่นอน) หรือมีรถเทศบาลมารับถึงหน้าบ้าน
3. รู้จักจุดทิ้งขยะหรือศูนย์รีไซเคิลใกล้บ้าน
สามารถขนของไปทิ้งเองได้ หากรู้ว่าแต่ละประเภทต้องไปทิ้งที่ไหน เช่น ขยะอิเล็กทรอนิกส์, ขยะอันตราย
4. ใช้บริการขนของทิ้งเอกชน
บริษัทรับขนของเก่า / ขยะ จะมาช่วยขน ยก และกำจัดให้จบในวันเดียว (แต่มีค่าใช้จ่าย)
ความยาก
1. ของชิ้นใหญ่ / หนักมาก
เช่น ตู้เย็นเก่า, ที่นอน, เฟอร์นิเจอร์ไม้ ต้องใช้แรงหลายคนยก หรือมีรถขนาดใหญ่ช่วยขน
2. ขยะประเภทพิเศษที่ทิ้งไม่ได้ตามปกติ
เช่น ขยะอิเล็กทรอนิกส์ (TV, คอมพิวเตอร์), ขยะอันตราย (สี, น้ำมัน, แบตเตอรี่), ต้องทิ้งตามจุดเฉพาะเท่านั้น
3. ไม่มีรถหรืออุปกรณ์ช่วยขน
ถ้าอยู่คอนโด/หอพัก/อาคารสูง และต้องยกของลงเอง จะเหนื่อยมากและอาจต้องขออนุญาต
4. พื้นที่ห้ามทิ้งขยะผิดประเภท
เทศบาลบางแห่งมีกฎเข้มงวดเรื่องการคัดแยก และการทิ้งของชิ้นใหญ่ ต้องแจ้งล่วงหน้า
5. ถ้าทิ้งผิดที่ อาจโดนปรับหรือฟ้องร้อง
เช่น นำไปทิ้งในที่ดินเปล่าหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีสิทธิ์ อาจโดนจับหรือปรับตามกฎหมาย
เคล็ดลับให้การขนของทิ้งง่ายขึ้น
คัดแยกของก่อน: อะไรขายได้ รีไซเคิลได้ หรือทิ้งเฉยๆ
ตรวจสอบบริการในพื้นที่: โทรหาเทศบาล หรือนิติบุคคล (ถ้าอยู่คอนโด) ว่ามีบริการเก็บของชิ้นใหญ่หรือไม่
วางแผนขนย้ายให้ปลอดภัย: ใช้รถเข็น, ถุงดำหนาทน หรือรถกระบะเล็ก
ใช้บริการมืออาชีพ: หากของเยอะ เช่น ย้ายบ้าน หรือเคลียร์โกดัง จะช่วยลดแรงและจัดการจบได้เร็ว
อย่าทิ้งมั่ว!: ของบางอย่างต้องกำจัดอย่างถูกวิธี เพื่อความปลอดภัยและไม่ผิดกฎหมาย