ขนย้ายสินค้า

… แจ้งราคาขนส่งทางไลน์เท่านั้น …

สอบถามรถรับจ้างได้ตลอด 24 ชม.
ติดต่อสอบถาม รถรับจ้างทั่วไป (คลิกเลย!!)

บริการขนย้ายสินค้าทุกประเภท

นำสิ่งของภายในบ้านออกจากที่พักเดิมและขนส่งไปยังที่พักใหม่

เก็บและขนย้ายทรัพย์สินจากห้องชุดหรือคอนโดเก่า ไปยังคอนโดหรือที่พักใหม่

จัดเก็บ ขนส่ง และติดตั้งสิ่งของ อุปกรณ์ เครื่องใช้ สำนักงานเดิม ไปยังสถานที่ทำงานใหม่

เคลื่อนย้ายขนส่งเฟอร์นิเจอร์จากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง

รรวบรวม จัดเก็บ และขนส่งอุปกรณ์ เครื่องครัว เฟอร์นิเจอร์ และวัตถุดิบ จากร้านอาหารเดิม

รื้อถอน จัดเก็บ และขนส่งโครงสร้าง วัสดุอุปกรณ์ และสื่อประชาสัมพันธ์ของบูธจากสถานที่

ขนส่งโครงสร้างบ้านสำเร็จรูปจากสถานที่เดิมไปยังจุดหมายใหม่

ขนย้ายสินค้าที่บรรทุกในรถรับจ้าง โดยการข้ามผ่านทางเรือโดยสาร

เคลื่อนย้ายสัตว์เลี้ยงจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยระหว่างการเดินทาง

ลำเลียงผลิตภัณฑ์หรือวัสดุต่างๆ จากจุดหนึ่งไปยังจุดหมายปลายทาง

ลำเลียงไม้ไผ่จากแหล่งผลิตหรือเก็บเกี่ยวไปยังจุดหมาย

ขนย้ายสิ่งของที่ลูกค้าไม่ต้องการนำไปทิ้งตามสถานที่รับทิ้งเฉพาะ

การเคลื่อนย้ายและขนส่งอุปกรณ์หรือเครื่องมือขนาดใหญ่จากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง

การรวบรวมและขนส่งสินค้าหรืออุปกรณ์ทั้งหมดจากโกดังเดิมไปยังสถานที่เก็บใหม่

ลำเลียงสินค้าหรือผู้โดยสารจากจังหวัดหนึ่งไปยังอีกจังหวัดหนึ่ง

เช่ารถกระบะเพื่อใช้ในการเล่นสาดน้ำช่วงเทศกาลสงกรานต์

บริการขนย้าย

บริการขนย้ายสินค้า (Freight and Cargo Handling Services) หมายถึง กระบวนการและบริการที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายสินค้า วัตถุดิบ หรือชิ้นส่วนต่าง ๆ จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยอาจใช้ยานพาหนะหลากหลายรูปแบบ เช่น รถบรรทุก เรือ เครื่องบิน รถไฟ หรือแม้กระทั่งการขนส่งภายในคลังสินค้า โดยบริการเหล่านี้มุ่งหวังในการบริหารจัดการโลจิสติกส์ให้เกิดความคุ้มค่า ประหยัดเวลา และรักษาคุณภาพสินค้าให้ดีที่สุด
ประเภทของบริการขนย้ายสินค้า อาจแบ่งได้ตามมิติสำคัญๆ ดังนี้:
1. แบ่งตามโหมดการขนส่ง (Mode of Transport)
  • การขนส่งทางถนน (Road Transport): ใช้รถบรรทุกหรือรถบรรทุกพ่วง เหมาะสำหรับการขนส่งในระยะใกล้ถึงระยะปานกลาง คล่องตัว สามารถเข้าถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ได้ง่าย
  • การขนส่งทางทะเล (Maritime Transport): ใช้เรือเดินสมุทรหรือเรือบรรทุกสินค้า เหมาะสำหรับการขนสินค้าปริมาณมากที่ต้องการลดต้นทุนต่อหน่วย แต่ใช้เวลานาน
  • การขนส่งทางอากาศ (Air Transport): ใช้เครื่องบินขนส่งสินค้า เหมาะกับสินค้าที่ต้องการความรวดเร็ว มีมูลค่าสูง หรือเป็นสินค้าที่มีความฉุกเฉินในการใช้งาน แต่ต้นทุนสูง
  • การขนส่งทางรถไฟ (Rail Transport): ขนส่งได้ปริมาณมากต่อรอบ คงที่ด้านเวลาและต้นทุนค่อนข้างต่ำกว่าอากาศ มีข้อจำกัดด้านโครงสร้างทางราง
  • การขนส่งหลายรูปแบบ (Multimodal / Intermodal Transport): ผสมผสานการขนส่งหลายโหมดเข้าด้วยกัน เช่น ขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทางเรือแล้วเปลี่ยนเป็นรถไฟหรือรถบรรทุกในภายหลังเพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง
2. แบ่งตามประเภทสินค้า
  • สินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป (General Consumer Goods): เป็นสินค้าที่ไม่ต้องการเงื่อนไขพิเศษในการขนส่ง เช่น เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมทั่วไป ขนส่งได้ด้วยรถบรรทุกธรรมดาหรือคอนเทนเนอร์มาตรฐาน
  • สินค้าเกษตรและอาหาร (Agricultural & Food Products): เช่น ผัก ผลไม้ อาหารสด หรืออาหารแช่แข็ง ต้องควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น และความสะอาด อาจใช้รถห้องเย็น ตู้คอนเทนเนอร์แบบควบคุมอุณหภูมิ หรือเครื่องบินขนส่งด่วน
  • สินค้าอันตราย (Hazardous Materials): เช่น สารเคมี เชื้อเพลิง วัตถุไวไฟ ต้องปฏิบัติตามระเบียบและมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด โดยยานพาหนะหรือภาชนะบรรจุจะต้องได้รับการรับรองมาตรฐานพิเศษ
  • สินค้าหนักหรือใหญ่พิเศษ (Heavy & Oversized Cargo): เช่น เครื่องจักรขนาดใหญ่ อุปกรณ์ก่อสร้างยักษ์ ต้องใช้ยานพาหนะเฉพาะทาง (เช่น Low-bed trailer) และต้องขออนุญาตเดินรถพิเศษ รวมถึงอาจต้องใช้เครนหรืออุปกรณ์ยกขนาดใหญ่
  • สินค้าที่มีมูลค่าสูง (High-Value Goods): สินค้าแบรนด์เนม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ราคาแพง อัญมณี ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวด อาจใช้การติดตามด้วย GPS ตู้ล็อกพิเศษ หรือมีระบบป้องกันการโจรกรรม
3. แบ่งตามลักษณะการบริการ
  • การขนส่งแบบเต็มพาหนะ (Full Load/FCL/FTL): ผู้ส่งสินค้าเช่าพาหนะหรือพื้นที่ทั้งหมด ไม่ต้องแชร์พื้นที่กับผู้อื่น เหมาะสำหรับผู้ที่มีปริมาณสินค้ามากเพียงพอ
  • การขนส่งแบบแบ่งพื้นที่ (Less Than Container Load – LCL / Less Than Truckload – LTL): ผู้ส่งหลายรายแชร์พื้นที่บนยานพาหนะเดียวกัน เหมาะกับปริมาณสินค้าไม่มาก ช่วยลดต้นทุน แต่ต้องใช้เวลาจัดการรวมสินค้าและกระจายสินค้าหลายจุด
4. แบ่งตามระยะทางและพื้นที่การขนส่ง
  • ภายในประเทศ (Domestic Freight): การขนส่งภายในเขตแดนของประเทศ ใช้เวลาและขั้นตอนศุลกากรน้อยกว่า
  • ระหว่างประเทศ (International Freight): ต้องมีการดำเนินการทางศุลกากร กฎหมาย การเสียภาษี และมาตรการกีดกันทางการค้าอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
5. แบ่งตามความรวดเร็วและบริการเสริม
  • บริการเร่งด่วน (Express Delivery): ใช้เครื่องบินหรือรถขนส่งเร็วเป็นพิเศษ เหมาะกับสินค้าที่ต้องส่งมอบในเวลาจำกัด
  • บริการทั่วไป (Standard Delivery): ระยะเวลาการขนส่งทั่วไป ต้นทุนไม่สูงมาก
  • บริการเสริมอื่น ๆ (Value-Added Services): เช่น การบรรจุหีบห่อสินค้า การประกันภัย การติดตามสถานะสินค้าแบบเรียลไทม์ การจัดทำเอกสารการส่งออก-นำเข้า การบริการด้านคลังสินค้า ฯลฯ
ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกบริการขนย้ายสินค้า:
  • ลักษณะและประเภทสินค้า (น้ำหนัก, ปริมาณ, ความเปราะบาง, อายุการเก็บ)
  • ระยะทางและเส้นทางการขนส่ง (ภายในประเทศหรือระหว่างประเทศ)
  • ข้อกำหนดด้านเวลา (ด่วนหรือไม่)
  • งบประมาณและต้นทุนการขนส่ง
  • ข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
  • ความน่าเชื่อถือและประสบการณ์ของผู้ให้บริการ
สรุป:
บริการขนย้ายสินค้าเป็นระบบที่ซับซ้อนซึ่งเกี่ยวข้องกับการวางแผน การเลือกใช้รูปแบบการขนส่งที่เหมาะสม การรักษาสภาพสินค้าให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน และการคำนึงถึงต้นทุน เวลา และมาตรฐานความปลอดภัย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการโลจิสติกส์และผู้ส่งออก-นำเข้าจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อให้การขนย้ายสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและความคุ้มค่ามากที่สุด.
Scroll to Top