… แจ้งราคาขนส่งทางไลน์เท่านั้น …
สอบถามรถรับจ้างได้ตลอด 24 ชม.
ติดต่อสอบถาม รถรับจ้างทั่วไป (คลิกเลย!!)



ขนส่งไม้ไผ่ คือ กระบวนการเคลื่อนย้ายไม้ไผ่จากแหล่งผลิตหรือจุดเก็บเกี่ยวไปยังปลายทางต่าง ๆ เช่น โรงงานแปรรูป โครงการก่อสร้าง ร้านค้าหรือจุดส่งออก โดยใช้ยานพาหนะและวิธีการขนส่งที่เหมาะสม เช่น รถกระบะ รถบรรทุก หรือรถเทรลเลอร์ ซึ่งคำนึงถึงการดูแลรักษาคุณภาพไม้ไผ่ไม่ให้เสียหายระหว่างการขนย้าย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความยาว ปริมาณ และลักษณะของไม้ไผ่ที่ต้องการขนส่ง
1. ลักษณะของไม้ไผ่ที่ต้องพิจารณา
1. ความยาวและเส้นผ่านศูนย์กลาง
ไม้ไผ่อาจมีความยาวตั้งแต่ไม่กี่เมตรจนถึงกว่า 10 เมตร (กรณีใช้ในงานก่อสร้างหรือทำเสา)
เส้นผ่านศูนย์กลางต่างกันไปตามสายพันธุ์ ควรประเมินว่ารถขนส่งสามารถรองรับได้หรือไม่
2. ปริมาณและน้ำหนักรวม
ควรคำนวณจำนวนท่อนและน้ำหนักทั้งหมด
หากมีจำนวนมากและน้ำหนักมากอาจต้องใช้รถ 6 ล้อขึ้นไป หรือแม้แต่รถ 10 ล้อ
3. สภาพของไม้ไผ่
ไม้ไผ่สดมีความชื้น อาจเลอะโคลนหรือมีใบติดอยู่ ต้องทำความสะอาดหรือเล็มกิ่งใบก่อนขนย้าย
ไม้ไผ่แห้งแตกหักได้ง่าย จึงต้องป้องกันการกระแทก
2. การเตรียมไม้ไผ่ก่อนขนส่ง
1.ตัดแต่งและคัดเลือกคุณภาพ
ตัดใบและกิ่งย่อยให้เรียบร้อย หากต้องการประหยัดพื้นที่และป้องกันความเสียหาย
คัดท่อนที่มีตำหนิหรือผุออก เพื่อไม่ให้เสี่ยงแตกหักระหว่างขนส่ง
2. มัดรวมเป็นมัด (Bundle)
รวบรวมไม้ไผ่เป็นมัด ๆ ตามขนาดความยาวและเส้นผ่านศูนย์กลางใกล้เคียงกัน
ใช้เชือกเหนียว หรือเข็มขัดรัดของ (Strap) รัดให้แน่นแต่ไม่แน่นเกินไปจนไม้ไผ่แตก
3. ป้องกันส่วนปลายไม้ไผ่
ถ้าเป็นไม้ไผ่ยาวมากและเปราะบาง อาจใช้วัสดุบุนวม (เช่น กระสอบ หรือแผ่นโฟม) รองตรงปลาย เพื่อลดการกระแทก
ระมัดระวังปลายแหลมของไม้ไผ่ไม่ให้ยื่นออกนอกรถจนเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่คนอื่น
3. เลือกรถสำหรับขนส่งไม้ไผ่
1.รถกระบะ
เหมาะกับปริมาณไม่มาก หรือความยาวไม่มาก (ประมาณ 2–4 เมตร)
ถ้าเป็นไม้ไผ่ยาว อาจต้องเปิดท้ายและใช้ผ้าใบคลุม พร้อมป้ายเตือนหากยื่นเกินความยาวตัวรถ
2.รถ 4 ล้อใหญ่ / รถ 6 ล้อ / รถ 10 ล้อ
เหมาะกับการขนส่งในปริมาณมาก หรือความยาวของไม้ไผ่มากกว่า 4–6 เมตร
บางคันอาจเป็นรถคอกสูง (กระบะคอก) หรือรถพื้นเรียบ (Flatbed) ทำให้ง่ายต่อการขนไม้ไผ่ยาว
3. รถเทรลเลอร์หรือรถพ่วง
เหมาะกับกรณีที่ต้องขนไม้ไผ่เป็นจำนวนมากและความยาวพิเศษ (8–10 เมตรขึ้นไป)
ต้องพิจารณาเรื่องน้ำหนักบรรทุกและข้อกฎหมายในการเดินรถพ่วง
4. การขนไม้ไผ่ขึ้นรถและยึดให้แน่นหนา
1.จัดวางเป็นชั้น
เรียงมัดไม้ไผ่ชั้นล่างให้แน่น แล้ววางชั้นบนสลับเหลื่อมกัน (คล้ายเรียงท่อนไม้) เพื่อให้มั่นคง
ถ้าไม้ไผ่ยาวมาก ควรแบ่งวางสองจุด (หน้า-ท้ายรถ) เพื่อกระจายโหลด
2. ใช้เชือกหรือสายรัดของ (Ratchet Strap)
รัดไม้ไผ่ทุกมัดเข้ากับตัวรถหรือเสาคอกอย่างน้อย 2–3 จุด
เช็กแรงตึงของสายรัด ไม่ให้ไม้ไผ่ขยับหรือเด้งออกจากกระบะ
3. ป้ายเตือนท้ายยื่น (Overhang)
หากไม้ไผ่ยื่นพ้นท้ายรถเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (ส่วนใหญ่เกิน 1.2 เมตร ต้องติดผ้าแดงเตือน)
เปิดไฟฉุกเฉินหรือผูกธงเตือน เพื่อความปลอดภัยของรถตามหลัง
5. การขนส่งและข้อควรระวัง
1.ตรวจสอบเส้นทาง
หากไม้ไผ่มีความยาวมาก ต้องระวังเส้นทางที่มีสะพานเตี้ยหรือโค้งแคบ
เส้นทางลูกรังหรือขรุขระ อาจทำให้ไม้ไผ่กระแทกกัน จึงต้องรัดให้แน่นเป็นพิเศษ
2. ขับขี่ด้วยความระมัดระวัง
ใช้ความเร็วต่ำ-ปานกลาง ลดการเลี้ยวหรือเบรกกะทันหัน
หมั่นจอดพักเพื่อตรวจเช็กความแน่นของสายรัดในระยะทางไกล
3. กฎหมายและใบอนุญาต
ตรวจสอบว่าต้องใช้ใบอนุญาตเฉพาะหรือไม่ (เช่น กรณีขนส่งผ่านเขตป่าสงวน หรือต้องการใบกำกับการขนย้ายพืชไร่)
ปฏิบัติตามข้อบังคับเรื่องน้ำหนักบรรทุกและระยะยื่นท้าย
6. การขนถ่าย (Unload) และเก็บรักษาไม้ไผ่
นำไม้ไผ่ลงจากรถ
ควรมีคนช่วยอย่างน้อย 2–3 คน (สำหรับไม้ไผ่ปริมาณมาก) เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
ระวังไม้ไผ่กลิ้งหรือหล่นจากด้านบน อย่ารีบดึงสายรัดออกทั้งหมดในทีเดียว ให้ค่อย ๆ คลายทีละส่วน
2. การเก็บรักษา
หากจะเก็บระยะยาว ควรวางไว้ในพื้นที่แห้ง ระบายอากาศดี กันแดดจัดหรือน้ำขัง
หากต้องการรักษาไม้ไผ่ให้ใช้งานทนยาวนาน อาจแช่สารกันแมลงหรือสารกันเชื้อรา
3. ตรวจสอบและคัดเกรดไม้ไผ่
ก่อนใช้งาน ควรตรวจสอบว่ามีท่อนใดหักหรือแตกระหว่างขนส่งหรือไม่
แยกเกรดไม้ไผ่ตามการใช้งาน เพื่อให้สะดวกต่อกระบวนการแปรรูปต่อไป